ผ่าฟันคุดกี่วันหาย? ควรกินอะไร–ห้ามกินอะไรหลังผ่าให้แผลหายไว

ผ่าฟันคุดกี่วันหาย? ควรกินอะไร–ห้ามกินอะไรหลังผ่าให้แผลหายไว

การผ่าฟันคุด เป็นหนึ่งในกระบวนการทางทันตกรรมที่หลายคนกังวล แม้ว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ช่วงเวลาหลังการผ่าตัดต่างหากที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องฟื้นตัวและสมานแผล หากดูแลไม่ถูกต้อง อาจเกิดอาการปวด บวม หรือติดเชื้อได้ง่าย คำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “ผ่าฟันคุดกี่วันหาย?” บทความนี้จะให้คำตอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาในการฟื้นตัว พร้อมเคล็ดลับสำคัญในการดูแลแผล และรายการอาหารที่ควรกินและห้ามกิน เพื่อให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วที่สุด

ผ่าฟันคุดกี่วันหาย? ระยะเวลาฟื้นตัวตามไทม์ไลน์

ระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังผ่าฟันคุดนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัด (เช่น ฟันคุดฝังลึก หรือมีการตัดกระดูกร่วมด้วย) และการดูแลตนเองหลังผ่าตัด แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งระยะเวลาการฟื้นตัวออกเป็นช่วงดังนี้:

1. 24 ชั่วโมงแรก: ช่วงเวลาสำคัญที่สุด

  • อาการ: มีเลือดซึมออกมาจากแผลเล็กน้อย มีอาการปวดและบวมอย่างชัดเจน
  • การดูแล: กัดผ้าก๊อซตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามบ้วนน้ำหรือน้ำลายแรงๆ เพื่อไม่ให้ลิ่มเลือดที่ก่อตัวปิดปากแผลหลุดออก (ลิ่มเลือดนี้สำคัญต่อการสมานแผล)

2. วันที่ 2-3: จุดสูงสุดของอาการบวม

  • อาการ: อาการบวมจะถึงจุดสูงสุดในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรก อาจมีอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • การดูแล: ประคบเย็นบริเวณแก้มเพื่อลดอาการบวมในช่วง 48 ชั่วโมงแรก และสามารถเริ่มเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นได้หลังจาก 48 ชั่วโมงผ่านไป สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์สั่งได้ตามอาการ

3. วันที่ 5-7: อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน

  • อาการ: อาการบวมและปวดจะลดลงอย่างมาก สามารถอ้าปากได้สะดวกขึ้น
  • การดูแล: ไหมเย็บแผลบางชนิดจะละลายเอง แต่หากเป็นไหมที่ต้องตัดออก ทันตแพทย์จะนัดมาตัดไหมในช่วง 7 วันหลังผ่าตัด

4. 2 สัปดาห์: หายเกือบสนิท

  • อาการ: แผลภายนอกปิดสนิทแล้ว อาการปวดและบวมหายไปเกือบทั้งหมด
  • การฟื้นตัวเต็มที่: การฟื้นตัวของกระดูกและเนื้อเยื่อภายในจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยสามารถกลับมากินอาหารได้ตามปกติภายใน 1-2 สัปดาห์

สิ่งที่ควรกินและห้ามกินหลังผ่าฟันคุด

การเลือกอาหารที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อความเร็วในการสมานแผลและป้องกันการติดเชื้อ การดูแลเรื่องอาหารจึงสำคัญไม่แพ้การรักษาความสะอาด

อาหารที่ควรกิน: เน้นความนุ่มและเย็น

  • อาหารเหลวและนุ่ม: ใน 1-3 วันแรก ควรกินอาหารเหลวและนุ่ม เช่น โจ๊กอุ่นๆ, ข้าวต้ม, ซุปที่ไม่ร้อนจัด, ไข่ตุ๋น, และโยเกิร์ต
  • อาหารเย็น: ไอศกรีม (แบบไม่มีถั่วหรือเนื้อผลไม้), น้ำผลไม้ปั่นเย็นๆ, หรือน้ำแข็งไส ช่วยลดอาการบวมและปวดได้ดี (ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก)
  • โปรตีนและวิตามิน: เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เช่น เนื้อปลาบด หรืออาหารเสริมโปรตีน และวิตามินซีเพื่อช่วยสมานแผล

อาหารที่ห้ามกิน: สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันปัญหา

  • อาหารร้อนจัดและเผ็ด: ความร้อนจะทำให้เลือดเดินสะดวกและอาจทำให้เลือดซึมออกมาจากแผลมากขึ้น อาหารเผ็ดร้อนอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและปวดแผล
  • อาหารแข็ง กรอบ และเหนียว: เช่น ถั่ว, ข้าวเกรียบ, ขนมปังกรอบ, หรือเนื้อสัตว์ที่ต้องเคี้ยวยาก อาจทำให้แผลฉีกขาดหรือมีเศษอาหารเข้าไปติดในบริเวณแผล
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน: ควรหลีกเลี่ยง 48 ชั่วโมงแรก เพราะแอลกอฮอล์รบกวนการแข็งตัวของเลือด ส่วนคาเฟอีนอาจทำให้อาการปวดดีขึ้นช้า
  • การใช้หลอดดูด: ห้ามใช้หลอดดูด ในช่วง 2-3 วันแรกโดยเด็ดขาด เพราะการดูดจะทำให้เกิดแรงดันในช่องปาก ซึ่งอาจทำให้ลิ่มเลือดหลุดออก เกิดภาวะ “Dry Socket” ที่ทำให้ปวดรุนแรง

ข้อปฏิบัติสำคัญหลังผ่าตัดเพื่อแผลที่หายไว

  • การประคบ: ประคบเย็น 24-48 ชั่วโมงแรก จากนั้นเปลี่ยนเป็นประคบอุ่น
  • การทำความสะอาด: ในวันแรก ห้ามแปรงฟัน หรือบ้วนน้ำบริเวณแผลโดยตรง วันรุ่งขึ้นสามารถแปรงฟันตามปกติได้ แต่ให้ทำอย่างเบามือและระมัดระวังบริเวณที่ผ่าฟันคุด
  • ห้ามสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่จะทำให้การสมานแผลช้าลงอย่างมาก และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง
  • ยาตามแพทย์สั่ง: รับประทานยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดจนกว่าจะหมด

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณผ่านพ้นช่วงการฟื้นตัวหลังผ่าฟันคุดไปได้อย่างราบรื่น และกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

คลินิกทันตกรรม Dental Image Clinic ผู้มีประสบการณ์ด้านการผ่าฟันคุดอย่างปลอดภัย

หากคุณกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าฟันคุด และให้ความสำคัญกับการดูแลหลังผ่าตัด คลินิกทันตกรรม Dental Image Clinic คือทางเลือกที่คุณไว้วางใจได้ เรามีทีมทันตแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัยที่สุด พร้อมให้คำแนะนำด้านการดูแลแผลอย่างละเอียดหลังการรักษาทุกขั้นตอน

นัดหมาย หรือปรึกษาทันตแพทย์ฟรี